ฟ้าหลังฝน ‘สาวมาด เมกะแดนซ์’ ไม่เหลือเค้าตำนานดาวมหาลัย
อยู่บนรถเข็น! 8 ปี เงิน 5 บาทยังไม่มีให้ลูก
ฟ้าหลังฝน ‘สาวมาด เมกะแดนซ์’ ตัดขาดสามี ไม่เหลือเค้าตำนาน ‘ดาวมหาลัย’
หากย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้วคอเพลงลูกทุ่งคงไม่มีใครไม่รู้จัก สุรดา ชมวงค์ หรือ สาวมาด เมกะแด้นซ์ เจ้าของผลงานเพลงดาวมหาลัย เพลงฮิตติดตลก
โดยเธอเป็นศิลปินค่ายท็อปไลน์ ไดมอนด์ หลังจากนั้นก็มีผลงานเพลงศรีทนได้ , สาวลาดพร้าว ออกมาก่อนจะหายหน้าไปจากวงการเพลง
หลังจากนั้นเธอกลับมาเป็นข่าวอีกครั้งจากการป่วยครรภ์เป็นพิษ และสามีตีจากทำให้เธอถึงกับออกมาสาปส่งสามีในตอนนั้นที่ทิ้งเธอไปในยามพิการเพื่อแต่งงานใหม่กับเศรษฐินีคนหนึ่งจนเป็นข่าวโด่งดัง ก่อนที่เรื่องราวจะเงียบหายไปอีกครั้ง
ชีวิตพลิกผันจากนักร้องชื่อดังกลายเป็นคนพิการ แถมอดีตสามีทิ้งและสร้างหนี้ไว้หลายแสนบาท ส่วนบ้านที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง เคยเกือบจะถูกยึดเพราะอดีตสามีเอาไปจำนอง
โดยก่อนหน้านี้เธอได้ออกมาเปิดใจ เล่าย้อนชีวิตของตัวเองไว้ว่า เธอเป็นคนหนองบัวลำภู เส้นทางนักร้องเริ่มต้นจากการไปเป็นนักร้องวงดนตรีอีเล็กโทน อาจารย์ ส.สัญญาลักษณ์ ดอนศรี
นักแต่งเพลงชื่อดังเห็นแวว ชักชวนมาทำเพลงกับค่าย ท็อปไลน์ ไดมอนด์ (ท็อปไลน์ มิวสิค ในปัจจุบัน) ของ นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม กลายเป็นนักร้องมีชื่อเสียง
เมื่อเพลงแนวลูกทุ่งอีสานที่เธอขับร้อง อย่าง “คุณอีปึก”, “สาวลาดพร้าว” และ “ดาวมหาลัย” ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เดินสายคอนเสิร์ตตัวเป็นเกลียวอยู่พักหนึ่ง มีเงินเก็บประมาณ 15-16 ล้านบาท
ได้นำไปปลูกบ้านบานปลายไปกว่า 10 ล้านบาท จุดพลิกผันหน้าของชีวิตเกิดขึ้น เมื่อเธอตั้งครรภ์ และทรุดหนักครรภ์เป็นพิษ คลอดลูกสาวขณะมีอายุครรภ์ได้เพียง 5 เดือน และตัวเธอเองก็นอนไม่ได้สติในโรงพยาบาลนานกว่า 4 เดือน
สาวมาด เล่าความเป็นอยู่ปัจจุบัน หลังจากแยกทางกับสามี พร้อมสูญเสียบ้านหลัง 10 ล้าน ไปเธอเหลือก้อนสุดท้าย 2 ล้านบาท นำมาซื้อบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ในวัย 46 ปี เธอมีพี่สาวเป็นผู้ดูแล ช่วยพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ หุงหาอาหารให้รับประทาน พาออกมาสูดอากาศรอบบ้าน เป็นต้น
สาวมาด เล่าต่อว่า ช่วงที่กลายเป็นคนพิการแรกๆ รู้สึกรับไม่ได้ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนเดิม เคยมีความคิดจะฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นหน้าลูกสาว ทำให้เปลี่ยนแปลงทัศนคติ และมีสติมากขึ้น
“ใช้ชีวิตบนวีลแชร์ มา 8 ปี แล้วค่ะ แรกๆ รับตัวเองไม่ได้ แทบจะฆ่าตัวตาย พอเห็นหน้าลูก ไม่ได้นะ เราจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ กว่าจะมีชีวิตได้อย่างนี้ เราจะมาคิดสั้นได้ยังไง”
“หลักสำคัญ คือ เราไม่หลอกตัวเองว่า เราเป็นนักร้องดังนะ เราถ่อมตัวเองลงไม่ได้ เราลดตัวเองไม่ได้ เราไม่หลอก เรายอมรับว่าเราอยู่สภาพนี้แล้ว เราอยู่กับความจริง ชีวิตมันก็เบาสบายขึ้น อยู่ได้ตามอัตภาพ”
ส่วนเงินที่ใช้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว นับตั้งแต่ชีวิตพลิกผัน หลักๆ มาจาก นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม เจ้าของค่ายท็อปไลน์ฯ ต้องขอบคุณท่านที่ไม่ทอดทิ้ง
นอกจากนี้ยังมีแฟนเพลงที่ยังรักกันเหนียวแน่น เมตตาให้ความช่วยเหลือ และยังมีรายได้จากการลงทุนให้พี่สาวขายของเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านในจังหวัดหนองบัวลำภูอีกทางหนึ่ง